“ยินดีต้อนรับเพื่อนๆ เข้าสู่เว็ปไซต์ ที่รวบรวมเรื่องเล่า ข่าวสาร ข่าวบันเทิง ประวัติคนดัง เรื่องเล่าในอดีต และความรู้รอบตัวมากมายเอาไว้ที่นี่”
วันนี้เรามีวิธีในการดูมะพร้าวแบบไหน อ่อน แบบไหน แก่ มะพร้าวอยู่คู่กับไทยเรามายาวนาน มาก ๆ และรู้จักกันดี มีหลากหลายสายพันธุ์นำมาทำประโยชน์ได้หลายส่วน
น้ำทานได้อร่อย เนื้อก็ทานได้ ใบเอาไปทำไม้กวาด และอื่นๆ อีกหลายอย่าง จะเป็นยังไงไปดูกันเลยครับ
ระดับชั้นเนื้อมะพร้าว
1.มะพร้าวอ่อนเนื้อ 1 ชั้นจะลักษณะเป็นเหมือนวุ้นบางมีความใสรสชาติ
จะไม่ค่อยหวานมีความเปรี้ยวนิดๆ ซ่าหน่อยๆแต่ก็ทานได้ปกติ
2.มะพร้าวอ่อนเนื้อชั้นครึ่งหรือที่เรียกว่าเนื้อกุ้ง จะเป็นใสๆเหมือนวุ้นกลิ่นหอมน้ำหอมรสชาติกำลังดีเลย
3.มะพร้าวอ่อนเนื้อ 2 ชั้นเนื้อมะพร้าวมีความหนาหอมหวานมากเป็น
วิธีดูมะพร้าวแก่หรืออ่อน
1.สังเกตจากสีบริเวณรอยต่อของขั้วลูกมะพร้าวหากอ่อนอยู่รอบวงขั้ว จะมีสีขาวยิ่งขาวเป็นวงกว้างก็แปลว่า
มะพร้าวยิ่งอ่อนหากเป็นสีเขียวก็แปลว่ามะพร้าวเริ่มแก่แล้ว
2.ลองดีดๆ ดูหรือเขย่าก็ได้ฟังเสียงน้ำดูหากเสียงเป็นแน่นๆเหมือน มีน้ำมะพร้าวเต็มลูกจะไม่ค่อยได้ยินเสียงน้ำ
ก็แปลว่าเนื้อมะพร้าวอ่อนอยู่ในระยะชั้นครึ่ง แล้วน้ำพร่องได้ยินเสียงน้ำชัดๆ เลยน้ำน้อยก็แปลว่าเริ่มจะแก่แล้ว
3.ต่อไปก็ดูที่หนวดมะพร้าวเป็นสีน้ำตาลถึงครึ่งของหนวด มะพร้าวก็แปลว่าเนื้อมะพร้าวอ่อนใช้ได้เลยน้ำมีรสหวานอร่อย
4.ต่อไปก็ดูว่าตอนมะพร้าวยังอยู่ในทะลายลูกบนสุด ของทะลายนั้นจะอ่อนสุดเนื้อ
ไม่ค่อยมีน้ำจะรสฝาดๆส่วนลูกด้านล่างสุดก็จะแก่ลงมานั่นเอง
5.หากเป็นมะพร้าวที่ยังไม่ปอกเปลือกก็ดูที่เปลือก จะเป็นนวลๆก็แปลว่ายังอ่อนอยู่แต่ถ้าหากเปลือก
ผิวหยาบทั้งลูกแล้วก็กำลังพอดีเลยแต่ถ้าหากเปลือกหยาบ ครึ่งด้านล่างหยาบจนออกมาเป็นขลุย
แล้วน้ำหนักเบาลงก็แปลว่าลูกมะพร้าวนั้นแก่แล้วนั่นเอง
6.แต่สำหรับมะพร้าวที่ปอกเปลือกแล้วก็ดูตรงเสี้ยน มะพร้าวหากเห็นเป็นเส้นๆ
ชัดเจนก็แปลว่ายังอ่อนอยู่แต่ถ้าหากเห็นเส้นปานกลางทั่วลูก มะพร้าวก็แปลว่ากำลังพอดี
7.เป็นวิธีสุดท้ายที่จะช่วยในการดูมะพร้าว คือเอาลูกมะพร้าวไปแช่น้ำถ้าหากจมน้ำจุด
จะเป็นมะพร้าวอ่อนแต่ถ้าหากจมครึ่งเดียวกึ่ง และหากลอยอยู่ไม่มีจมเลยก็แก่แล้วนั่นเอง
ยังมีอีกหลายวิธีในการดูลูกมะพร้าวครับ ซึ่งเวลาไปเลือกซื้อมะพร้าวจะได้ช่วยให้คุณได้ลูกมะพร้าวตามความแก่อ่อนที่ต้องการได้
ข้อมูลมีการสืบค้นจากอินเตอร์เน็ต และบางบทความอ้างอิงหนังสือ หรือมีการเล่าต่อกันมาเป็นทอดๆ หากผิดพลาดประการใด ทีมงาน ปัญญาชีวิตดอทคอม ต้องกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
ขอบคุณที่มา : kasetchaoban sabidee